วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560

His Majesty King Bhumibol Adulyadej

วันนี้วันที่  26 ตุลาคม 2560
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
พระบาทสมเด็จพรปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
มหิตลาธิเบศรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร 
สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ( ร. ๙ )

สวรรคตพระชนมพรรษา ๘๙ ปี 
ทรงครองราชสมบัติได้ ๗๐ปี

วันพฤหัสบดีที่ ๑๓/๑๐/๒๕๕๙ ๑๕:๕๒น.
ณ โรงพยาบาลศิริราช

         เรื่องราวเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 มีมากมาย แต่ส่วนใหญ่เวลาได้ข้อมูลเกี่ยวกับท่านเราจะได้ในลักษณะเป็นปี พ.ศ.ซึ่งมันทำให้ไม่เห็นภาพเท่าไหร่ว่าตอนนั้นพระองค์อยู่ในวัยไหน พระชนมายุมากรึยัง เลยลองมานั่งไล่อายุท่านเทียบกับพระราชกรณียกิจแบบคร่าวๆ
         มีเรื่องที่คิดไม่ถึงหลายอย่าง เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ดังๆ ทรงแต่งตั้งแต่ 18-19 พรรษา เพลงมหาจุฬาลงกรณ์ที่เราร้องกันนี่ท่านก็ทรงแต่งตั้งแต่อายุ 22 (เทียบกับอายุเด็กสมัยนี้คือทรงอยู่ปี 4) พระราชกรณียกิจต่างๆนานาก็เริ่มตั้งแต่ 20 ต้นๆ แล้ว พอท่านเลย 60 ไปแทนที่จะเกษียณกลับกลายเป็นงานยิ่งมากขึ้น เสด็จต่างจังหวัดเยอะมาก มูลนิธิชัยพัฒนานี่พึ่งตั้งตอนประมาณ 61 พรรษา ทรงงานไปถึงช่วง 80 พรรษา หลังจากนั้นส่วนมากจะไปประทับและทรงงานอยู่ศิริราช
พอเทียบกับเวลาของชีวิตเรา ในเวลาเท่ากันท่านสามารถคิดและสร้างอะไรไว้ได้มากมายเหลือเกิน เก่งจิงๆ เก่งทุกอย่าง เทียบแล้วก็จะรู้ว่าท่านทรงงานหนักจริงๆ ถ้าเป็นญาติพี่น้องเราอายุเกิน 60 ส่วนใหญ่ก็พักผ่อนอยู่บ้านหมดเเล้ว แต่ท่านอายุ หกสิบเจ็บสิบยังออกไปตลุยงานอยู่ ถ้าไม่ออกก็ฟังวิทยุดูทีวีติดตามสถานการณ์บ้านเมืองตลอด พระราชกรณียกิจต่างๆ ไม่รวมเวลาเสด็จเยี่ยมราษฎร 4 ภาค อยากให้เก็บไว้ดูในวันเกิดของตัวเองทุกๆปี แล้วลองย้อนมองว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรให้ผู้อื่นหรือเพื่อประเทศชาติบ้าง
     2 พรรษา สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต
     5 พรรษา เปลี่ยนแปลงการปกครอง
     6 พรรษา จากบ้าน ครอบครัวเล็กๆย้ายไปสวิตเซอร์เเลนด์
     7 พรรษา เป็นสมเด็จพระอนุชา
     8 พรรษา เริ่มถ่ายภาพ
     9 พรรษา เก็บเงินซื้อคลาริเน็ท
     11 พรรษา เสด็จนิวัติพระนคร ครั้งที่ 1
     12 พรรษา สงครามโลกครั้งที่ 2
     14 พรรษา ทรงเก็บเงินซื้อแซกโซโฟนที่เป็นของใช้แล้วมาเล่นดนตรี (เป็นน้องของ           พระเจ้าแผ่นดินแต่ยังทรงต้อง"เก็บเงิน")
     18 พรรษา เสด็จนิวัติพระนคร ครั้งที่ 2
     19 พรรษา สูญเสียพระบรมเชษฐาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์, “แสงเทียน” “ยาม            เย็น” “สายฝน” “ไกล้รุ่ง
*เทียบกับอายุเด็กสมัยนี้คือตอนนั้นยังทรงเป็นเพียงเด็กมหาลัยปี 1 เด็กแค่นี้ท่านต้องผ่านอะไรมามากมายจริงๆ แถมครองราชแค่ปีแรก ก็ทรงเริ่มมอบความสุขให้คนไทยผ่านเสียงเพลงแล้ว
     20 พรรษา เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิทเซอร์แลนด์”, “HM Blues”
     21 พรรษา ทรงประสบอุบัติเหตุ
     22 พรรษา ทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิตยากร, “มหาจุฬาลงกรณ์
     23 พรรษา เสด็จนิวัติพระนคร บรมราชาภิเษก ราชาภิเษกสมรส
     24 พรรษา พรปีใหม่
     25 พรรษา สถานีวิทยุ อ.ส.พระราชวังดุสิต, ทุนภูมิพล, “ยิ้มสู้” “ธงไชยเฉลิมพล”,           ทรงระดุมทุนช่วยผู้ป่วยโปลิโอ
     26 พรรษา พระราชทานปลาหมอเทศแก่กรมประมง
     27 พรรษา หน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทาน, พระราชทานเงินสำหรับพัฒนา
          หุ่นยนต์คุณหมอ
    28 พรรษา เสด็จเยี่ยมราษฏร ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงโน้ม                  พระองค์รับดอกไม้จากแม่เฒ่าตุ้ม, พระราชทานเรือให้กาชาดใช้ช่วยเหลือ                  ประชาชน
    29 พรรษา ทรงผนวช, ทรงดนตรีกับ Benny Goodman
    30 พรรษา ฟื้นฟูกระบวนเรือพระราชพิธี
    31 พรรษา เสด็จภาคเหนือครบทุกจังหวัด, วันทรงดนตรีที่จุฬา, “แสงเดือน
    32 พรรษา เสด็จภาคใต้, ทรงเริ่มวาดภาพจิตรกรรม
    33 พรรษา เสด็จต่างประเทศ 16 ประเทศ, มูลนิธิราชประชาสมาสัยเพื่อผู้ป่วยโรค           เรื้อน, ฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
    34 พรรษา โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา พันธุ์ข้าวพระราชทานพืชมงคล
    35 พรรษา ยูงทอง
    36 พรรษา อ่างเก็บน้ำเขาเต่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้าน
     ชลประทาน แห่งแรก, มูลนิธิราชประชานุเคราะห์
    37 พรรษา โครงการหมู่บ้านสหกรณ์หุบกระพง โครงการพัฒนาที่ดินตามพระราช         ประสงค์แห่งแรก, ประดิษฐ์เรือใบราชปะเเตน
    38 พรรษา ฟื้นฟูทุนเล่าเรียนหลวง, ทรงศึกษาและเพาะพันธุ์ปลานิล
    39 พรรษา ทรงเรือใบจากหัวหินข้ามอ่าวไทย (ทรงเท่ห์มาก), "เกษตรศาสตร์"
    40 พรรษา ทรงชนะเลิศเหรียญทอง การแข่งขันเรือใบ กีฬาแหลมทอง, หน่วย                 พระราชทานรักษาประชาชนเคลื่อนที่หน่วยที่ 1
    41 พรรษา ตั้งศูนย์ฝึกอาชีพคนพระราชทานทหารผ่านศึกพิการ
    42 พรรษา โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา (สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง), ฝนหลวง,            ทดลองเกษตรพืชเมืองหนาว, โรงนมผงสวนจิตร, นมหนองโพ
    43 พรรษา ทรงแนะวิธีการใช้ยาพระราชทานชาวเขา
    44 พรรษา ความฝันอันสูงสุด” , ถ.รัชดาภิเษก ,โรงสีข้าวตัวอย่าง
    45 พรรษา ตั้งสมเด็จพระบรม, สายอากาศสุธี 1
    46 พรรษา 14 ตุลา 2516
    47 พรรษา พระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงครั้งแรก
    48 พรรษา มูลนิธิสายใจไทย
    49 พรรษา โครงการพระดาบส
    51 พรรษา สถาปนาสมเด็จพระเทพฯ
    52 พรรษา ทรงขับรถลุยน้ำที่นราธิวาส
    54 พรรษา เยี่ยมราษฏรที่นราธิวาส (ทรงนั่งพิงรถยนต์พระที่นั่งที่จอดบนสะพาน)
    56 พรรษา โครงการป่ารักน้ำ, เสด็จไปทอดพระเนตรบริเวณน้ำท่วมในกทม.
    57 พรรษา ทฤษฏีแกล้งดิน
    58 พรรษา พระราชดำริเรื่องขุดคลองและสร้างประตูควบคุมน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม
    59 พรรษา โรงกลั่นแอลกอฮอล์ในสวนจิตรลดา ผลิตแก๊ซโซฮอล์ (2529)
    60 พรรษา ทรงประดิษฐ์อักษรเทวนาครี
 วัยเกษียณ 
    61 พรรษา มูลนิธิชัยพัฒนา
    62 พรรษา ทดลองทฤษฏีใหม่ (2532)
    63 พรรษา โครงการพระราชดำริ แหลมผักเบี้ย แก้ปัญหาขยะ น้ำเสีย
    64 พรรษา ทรงปลูกหญ้าแฝก, ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาพระไตรปิฏก
    65 พรรษา ยุติเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
    66 พรรษา กังหันน้ำชัยพัฒนา, “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ
    67 พรรษา ติโต”, เสด็จเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
    68 พรรษา สมเด็จย่าสวรรคต, ทรงแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ, โครงการแก้มลิง, คลองลัดโพธิ์, "เมนูไข่" เพลงพระราชนิพนธ์อันดับสุดท้าย (2538)
    69 พรรษา ฉลองสิริราชสมบัติ 50 ปี, “พระมหาชนก” , เหตุการณ์ VR009 ทรงติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทางวิทยุอย่างใกล้ชิดแล้วโทรไปพระราชทานคำแนะนำ
    70 พรรษา พระราชทานแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง, คุณทองแดง, ปีนั้นเเล้งมาก ทรงติดตามการทำงานทีมฝนหลวงตลอดภารกิจทั้งเดือน รับสั่งว่าเมฆทุกก้อนที่ผ่านประเทศไทยต้องเอามาทำฝนให้ได้ และพระราชทานวิธีทำฝนแบบ "ซุปเปอร์แซนวิช" ที่ทรงคิดเอง (2540)
    71 พรรษา ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ, พระมหาชนกฉบับการ์ตูน
    72 พรรษา พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ, เปิดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
    74 พรรษา รายการศึกษาทัศน์ ทรงอธิบายเรื่องฝนหลวงให้นร.โรงเรียนไกลกังวล
    75 พรรษา สะพานพระราม 8, “ทองแดง
    76 พรรษา APEC, พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยเรื่องการปรับปรุงหุ่นยนต์คุณ           หมอพระราชทาน
   78 พรรษา ทอดพระเนตรอ่างเก็บน้ำยางชุม จ.ประจวบคิริขันธ์, สระสุวรรณชาติ
    79 พรรษา ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
    80 พรรษา ทรงเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ.ศิริราช
    81 พรรษา พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จกรมหลวงฯ, คลองภักดีรำไพ แก้มลิงแห่งสุดท้าย จ.จันทบุรี, โครงการพระราชดำริชั่งหัวมัน
    82 พรรษา ประทับศิริราช
    83 พรรษา ทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์, สะพานภูมิพล 1/2, ทรงรับการรายงานสรุปสถานการณ์น้ำในประเทศไทย
    84 พรรษา พระราชทานคำแนะนำเรื่องการรับมือน้ำท่วม, ช่วงต้นปี(น้ำท่วมกลาง-ปลายปี)ทรงมีพระราชกระแสให้ทำเครื่องบินบังคับด้วยดาวเทียมสำหรับถ่ายภาพทางอากาศ, เจลลี่โภชนา พระราชทานเพื่อผู้ป่วยมะเร็งในช่องปาก
    85 พรรษา เสด็จทอดพระเนตรระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าน้ำศิริราช, เสด็จพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
    86 พรรษา เสด็จกลับไปประทับวังไกลกังวล เสด็จออกมหาสมาคมที่หัวหิน
    87 พรรษา เสด็จไปติดตามงานในโครงการในพระราชดำริชั่งหัวมัน 4 ครั้ง เขื่อนแก่งกระจาน 2 ครั้ง ศูนย์อนุรักษ์สุนัขหัวหิน
    88 พรรษา เสด็จงานพระราชพิธีวันฉัตรมงคล, เสด็จออกให้ผู้พิพากษาเข้าเฝ้า
อ่านถึงตรงนี้ก็คงเห็นแล้วว่าท่านใช้เวลา "ทั้งชีวิต" ของท่าน ทั้งหมดของชีวิตจริงๆ ทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อพวกเราคนไทยที่ท่านรัก
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เคยรับสั่งกับ ดร.ภาธร ศรีกรานนท์ ว่าถ้าท่าน 60 เกษียณแล้วไปนิวส์ออลีนส์ ฟังเพลงแจ๊สกัน แต่ท่านก็ไม่เคยเกษียณ ไม่ได้ไปนิวออร์ลีนส์ ไม่ได้ไปฟังเพลงที่ท่านโปรด เพราะท่านไม่เคยหยุดทรงงานเพื่อพวก
เรา
พ่อแม่เราเวลาท่านอายุมากเรายังไม่อยากให้ท่านลำบาก ไม่อยากให้ทำงานบ้าน อยากให้ท่านอยู่สบายๆ แล้วในหลวงของเราอายุ 60 - 70 ก็ยังต้องไปทำงาน ไปแต่ที่ลำบากๆที่เราเองแม้เป็นเด็กแค่คิดก็ยังไม่อยากไป ป่วยก็ยังทำงาน ยังคิดถึงพสกนิกรของพระองค์
ทั้งหมดนี้คือแค่คร่าวๆ อย่างคร่าวๆที่สุดจริงๆ ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อยว่า "พ่อ" เหนื่อยขนาดไหน แผ่นดินนี้ที่พ่อสร้างมาทั้งชีวิต ต่อไปนี้ลูกๆจะปกป้องและดูแลเอง
ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลกนี้จะยิ่งใหญ่เท่าท่านมีคนสรุป ที่สุดของในหลวง ร.9.ไว้ดีมาก


พระมหากษัตริย์รูปงามที่สุด
เป็นนักเรียนนอก
พูดได้หลายภาษา
เป็นสุภาพบุรุษ
แต่งกายดีที่สุด
กิริยามารยาทดีเยี่ยม
มีอารมณ์ขัน
โรแมนติคมาก
รักเดียวใจเดียว
รักการศึกษา
รักภาษาไทย
รักสัตว์
รักชาติที่สุด
รักประชาชนที่สุด
มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่สุด
บำเพ็ญทานยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น
เป็นผู้มีศีลมั่นคง
มีสมาธิในการทำงานอย่างยิ่ง
รู้ธรรมลึกซึ้งที่สุด
มีความเมตตาที่สุด
มีความกรุณาที่สุด
มีความเสียสละที่สุด
มีความเพียรที่สุด
มีความอดทนที่สุด
มีความกตัญญูที่สุด
มีสติปัญญาลึกซึ้งที่สุด
มีความรู้มากที่สุด
ฉลาดที่สุด
เป็นนักปราชญ์
เป็นครู
เป็นศิลปิน
เป็นจิตรกร
เป็นนักเขียน
เป็นนักแปล
เป็นนักประดิษฐ์
เป็นนักพัฒนา
เป็นนักสำรวจ
เป็นนักเดินทาง
เป็นนักกีฬา
เก่งวิทยาศาสตร์
เก่งวิศวะ
เก่งเทคโนโลยี
เก่งสื่อสาร
เก่งอักษรศาสตร์
เก่งเศรษฐศาสตร์
เก่งภูมิศาสตร์
เก่งกฎหมาย
เก่งการทหาร
เก่งเกษตร
เก่งเรื่องป่า
เก่งเรื่องดินที่สุด
เก่งเรื่องน้ำที่สุด
เก่งเรื่องฝนที่สุด
เก่งถ่ายรูปที่สุด
เก่งดนตรีที่สุด


เป็นมหาราชานักรบที่เก่ง และเหนื่อยที่สุดในโลก เอาชนะความยากจนให้กับประชาชนชาวไทย ทั้งประเทศ
ทำประโยชน์ให้ประเทศไทยมากที่สุด
#สรุปแล้ว...พระองค์ ทรงมีพระอัจฉริยภาพรอบรู้ในทุกๆเรื่อง ทุกๆด้าน...ที่มนุษย์บนโลกใบนี้ ทำได้...ตั้งแต่ น้ำ จรดพื้นดิน ขึ้นบนแผ่นฟ้า และลงมายังใต้พื้นดิน ใต้มหาสมุทรเพราะ พระองค์ท่าน ทรงเป็น พระบรมมหาโพธิสัตว์เจ้า...ทรงบำเพ็ญพระมหาปรมัตถบารมี...เพื่อที่จะทรง ตรัสรู้ อนุตร เอนกสัมโพธิญาณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาลเบื้องหน้า


ข้าพเจ้าอายุ 31 ปี เดือน 20 วัน 
ข้าพเจ้าเกิดในสมัยรัชกาลที่ 9 
ข้าพเจ้าจะขอทำความดีถวายพระองค์ท่าน











วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

Southern Laos trip

ลาวทริป
เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่ไปเที่ยวประเทศลาว
วันนี้ไปกับ ทัวร์ ออกเดินทาง 23.30 . ถึงอำเภอสิรินทร จังหวัดอุบลราชธานี  แวะรับประทานอาหารที่เขื่อนสิรินทร ต่อจากนั้นข้ามฝั่งไป ประเทศลาว  ที่ด่านช่องเม็ก ฝั่งลาวเรียกว่า ด่านวังเต่า  ประมาณ 45 นาที แป๊ปเดียวก็ถึงโรงแรมที่พัก  แต่ยังไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมนะค่ะ
เราไปเที่ยวสถานที่แรกก่อน  คือ วัดหลวงปากเซ ข้างๆ จะมีวิทยาลัยสงฆ์ และวิทยาลัยเทคโนโลยีของปากเซ
ข้างในมีพระ พุทธรูป เราก็เข้าไป กราบไหว้พระ และแวะชมอุโบสถ หลังเก่า หลังจากนั้นเราก็ไปเข้าพักที่โรงแรมค่ะ
โรงแรมค่อนข้างใหญ่มาก เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว ประมาณ  11.05  ก็พาออกจากโรงแรมและไปรับประทานอาหารที่แพ
รับประทานอาหารที่แพเสร็จ
ก็ออกไปชมสบายดี รีสอร์ท ที่นี่ มีอะไรนั้นยังเที่ยวไม่หมด ค่ะ เดินไปมาแป๊บเดียว หมดเวลาแล้ว แต่ที่แน่ๆ ได้ไปกินทุเรียนลาว หนึ่งลูก รสชาติ ก็เป็น หวานๆ ขมๆ สีเหลืองขุ่นๆ คือไม่ใช่ทุเรียนพันธุ์ ที่คล้ายกับบ้านเรา  บ้านเราจะรสชาติอร่อย หอมหวาน ได้ลูกอโวคาโด มาหนึ่งกิโล 40 บาท  แล้วนั่งทานกาแฟแก้วละ 72 บาท ที่นี่มี wifi ได้เช็คอินที่นี่แหล่ะค่า
เดินเล่นซักพัก หมดเวลาแล้ว   จุดหมายต่อไป คือ ตลาดหลัก 14 หรือตลาดแลง ก็จะมีนก มีสัตว์อนุรักษ์ต่างๆ ขายกบ นกคามิลเลียน  กะปอม ต่างๆ เต็มเลย ทั่วตลาด มีของสดคล้ายๆ กับบ้านเรา บางอย่างที่บ้านเรา ขายถูกกว่าด้วยซ้ำ ที่แปลก คือมีลูกหางนกยูง แบบแกะขาย เงาะ ลำไย แก้วมังกร สินค้ามาจากจีน บางทีสินค้าต่างๆ ก็จะมาจากไทยนะจ๊ะ ราคาขายเลยจะแพงกว่าไทยหน่อยๆ  ส่วนมากเขาจะขายของราคา  20 บาทขึ้นไปนะ เขาจะไม่รับเงินเหรียญ ของไทยด้วย จ้า
วันนี้โชคดีมาก ที่ได้ไปเดินเที่ยวตลาด แต่ไกด์ลาวนี่ดี มากเลยนะ เพราะเขาจะบอกว่าอย่าซื้อเหล้ารีเจนซี่ (เพราะที่นี่เป็นปลอมหมด) แต่เขาบอกว่าด่านศุลกากรจับ เขาจะบอกว่าอย่าซื้อพวกเนื้อสัตว์ป่า เอาข้ามไปเขากวางต่างๆ กล้วยไม้  ศุลกากร ตรวจจับและต้องรับผิดชอบตัวเองนะ (พอถ้าเราซื้อมานะ  คนบ้านเขาก็จะล่าสัตว์มาขายให้เราเรื่อยๆ จนสูญพันธุ์แหล่ะ เราคิดว่า เพราะศุลกากรไม่ตรวจเลยซักนิด)
เสร็จจากตลาด เข้าโรงแรมพักผ่อนรับประทานอาหารเย็น ไปร้านอาหารเบาๆก่อนที่ร้านลูกชายหล่า  แล้วเราก็ไปต่อที่ king pub งานนี้
ทางโรงแรมติดต่อรถให้ เหมาทั้งคืนห้าร้อย  แต่ลาวก็มีกลเสมอ ค่ะ ทั้งคืนถึงเที่ยงคืนนะค่ะ คนขับรถบอกประกาศเคอร์ฟิว เที่ยงคืน เขาต้องรีบมารับเราก่อน เที่ยงคืน (ประเทศเขากฎหมาย ค่อนข้างเข้ม) ไม่มีการลดโทษเหมือนคนไทยนะ แล้วโจรขโมยไม่มีด้วย เพราะว่าจับได้นี่คงโดนหนัก เราไม่ต้องห่วงกระเป๋า เลยเวลาไปเที่ยว
แต่เราก็ว่าคุ้มอยู่นะ เราไปสองที่ ไม่มีการมาเรียกร้องค่าโดยสารเพิ่มอีก 500 นี่ไปได้ 10 คนเลยค่ะ เหล้าราคาแพงมาก นะในร้านเขาก็กินอาหารไม่กี่อย่าง แล้วก็สั่งเบียร์ลาวมาลังหนึ่ง 10 ขวดแถม 2 ขวดค่ะ เบียร์ ขวดละ 40 บาท ทุกคนกินได้แค่นิดเดียวเอง เหลือประมาณ 6 ขวดจะเอาออก ต้องเสียค่าขวดเพิ่มอีกขวดละ 20 บาทก็เอาออกมา แต่ไม่รู้หายไปไหนหมดหรอก  เบียร์นี่กินได้อร่อยมากเหมือนน้ำเปล่า แต่เมามากเลยค่ะ คล้ายกับประเทศไทยมาก นะ ประเทศลาว ไปที่ผับก็เล่นเพลงไทยแทบทุกเพลงเลยค่ะ เหมือนหมู่บ้านเล็กๆ แต่มีคนมาเที่ยวเยอะๆ คนไทยไปก็เยอะ หลายกลุ่ม ดูออก ว่าเป็นคนไทยค่ะ ในผับและร้านอาหารนี่คือสวรรค์ นักท่องเที่ยวเลยค่ะ สูบบุหรี่ได้ แต่เราเหม็นมาก  เราไป ตอนเปิดผับ ยังไม่ค่อยมีคนมามากเท่าไหร่ พอสักพักนะ เต็มเลย คนลาวจะไม่ค่อยตัวสูงสักเท่าไหร่ นะ
เที่ยวจาก นี่เสร็จ ต่อสระว่ายน้ำที่โรงแรม ขึ้นไปนอนบนโรงแรม อ้วกซิค่ะ
เช้าวันที่ 2 กันยายน 60
ก็ไปเที่ยวน้ำตกผาส้วม ข้างๆ น้ำตก มีคนขายของกินน่าอร่อยมาก มัน เผา กล้วยปิ้ง งา มะม่วง เห็ด ของป่า อย่างนี้
น้ำตกผาส้วม คำว่าส้วม หมายถึง ห้องนอน ห้องหอ
น้ำตกไหลเชี่ยว น้ำสีโอวัลติน  ลงเล่นไม่ได้  แม้แต่จะสัมผัส  ยังไม่ได้ค่ะ
ต่อด้วยการเดินตลาดดาวเรือง ของที่น่าซื้อก็มีเยอะ  แต่เราไม่ค่อยซื้อหรอก
กลับมาซื้อของที่ระลึกกลับบ้านที่ด่านวังเต่าอยู่ดี ซื้อยอดฟักแม้ว 555
จบบริบูรณ์ ง่วงนอนเหลือเกิน
 



































วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

มีรายได้แบบไม่ต้องลงทุนซักบาท

       ในยุคนี้ สิ่งที่มนุษย์เงินเดือน หรือผู้คนใฝ่ฝัน คือ การมีรายได้แบบไม่ต้องลงทุน
นี่เลย ลองเข้าไปศึกษาดูนะ จะรู้ว่าเป็นอย่างไร  สามารถเป็นไปได้ไหม?
แค่เปลี่ยนรายจ่าย ให้เป็นรายได้ แค่นั้นเอง ง่ายมาก
       สนใจสามารถ กรอก รายละเอียดลงไปได้เลยค่ะ

http://www.20insure.com/016216

วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

วันภาษาไทยแห่งชาติ National Thai Language Day

มาร่วมกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องนะค่ะ





                                                 ชุดไทย วันภา่ษาไทย แล้วกัน
                                                 Thai dress



วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม Klongladmayom floating market

ไปเที่ยวที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อนเคยไปแล้วพานั่งรถเมล์สาย511 ผ่าน สนามหลวง ข้ามฝั่งไปสายใต้สรุปต้องลงสายใต้ใหม่นะจ๊ะ ลงสายใต้ต่อรถแท็กซี่ อ่อแท็กซี่จำไม่รู้จัก เลยเปิดกูเกิ้ลแมพดู ไปทางพุทธมณฑลสาย 2 แล้วเลี้ยวขวา ไปประมาณ 1กิโลเมตร ที่ไปเที่ยวพักผ่อน ไม่คิดว่าจะได้ไปเที่ยวอะไรมากมาย  ไปกินข้าว และอาหารเที่ยง ขนมไทย  ซื้อของกินแล้วกลับ  ด้วยความที่เป็นตลาดน้ำเรา ควรไปดู ล่องเรือเล่นรอบๆชุมชน  ขณะที่ล่องเรือ เขาจะพาไปไหว้พระเที่ยวตลาดน้ำ ทำบุญที่วัด แล้วก็พา ไปเที่ยวชมสวนกล้วยไม้  ที่พีคสุดๆ คือ ตรงล่องเรือนี่แหล่ะ หกสิบบาทคุ้มค่ามากล่องไปเป็นชั่วโมงค่ะ
เรากับเพื่อนสนุกมาก

 Klongladmayom floating market.


How to go: Take the bus 511 line through the  Sanam Luang to the south terminal and take taxi about 95 baht. My friend cannot remember the way to Klongladmayom, I used google map to Phutthamonthon 2road  and turn right about 1 km to Klongladmayom floating market.
Direction: we should take a boat for see  around the community,
pay respect the Buddha image in floating temple and then take a trip to orchid garden at peak is the ticket for a boat  just sixty baht about 1.30 hours
We are very fun.